วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

TWILIGHT TECHNIC

       

           

              ปรากฏการณ์แสงสุดท้ายมักมีอะไรให้ตื่นตาตื่นใจอยู่เสมอ หากคุณเป็นอีกคนหนึ่งที่ชื่นชอบการถ่ายภาพอาทิตย์ขึ้นหรือตก แนะนำว่าอย่าด่วนเก็บกล้องลงกระเป๋าทันทีจนกว่าจะแน่ใจว่าแสงสุดท้ายของวันได้หมดไปแล้ว อดใจรอสักนิดสังเกตดูเมฆและบริเวณขอบฟ้า หากโชคดีคุณอาจได้ภาพแสงสีสุดท้ายที่มักเกิดหลังจากดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไปแล้ว บางครั้งอาจกินเวลานานนับสิบนาทีหรือบางทีอาจไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่เชื่อเถอะครับหากอยู่ถูกที่ถูกเวลาฟ้างามๆ กับแสงสีสวยๆ จะทำให้คุณอึ้งจนลืมชอตเด็ดช่วงอาทิตย์ตกไปเลย
               หลังจากเก็บภาพดวงอาทิตย์ตกเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หากมีเวลาอยากให้รอต่ออีกหน่อยอย่างเพิ่งเก็บกล้องและขาตั้งให้กางรอไว้ก่อน คอยสังเกตที่ขอบฟ้าหากเมฆไม่ทึบจนเกินไปเรามักได้เห็นแสงสุดท้ายในช่วงที่ดวงอาทิตย์ทำมุมลงต่ำไปอยู่อีกฟากหนึ่งของเรา แสงอาทิตย์ที่ส่องแทยงขึ้นไปบนฟ้าหลังลับตาเราอาจสะท้อนบรรยากาศเป็นแสงสีแดงอมม่วงหรือเหลืองทอง ถ้าบนฟ้ามีเมฆสวยๆ มีช่องให้แสงลอดขึ้นมาได้ก้อนเมฆก็จะกลายเป็นสีทองแล้วค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีแดง







มันเป็นช่วงเวลาที่น่าตื่นเต้นสำหรับช่างภาพ ตัวผมเองถึงแม้ในวันที่ไม่ได้เดินทางไปถ่ายภาพก็ยังอดไม่ได้ที่จะคอยสังเกตท้องฟ้าหลังดวงอาทิตย์ตกอยู่เป็นประจำจนติดเป็นนิสัย มีอยู่ครั้งหนึ่งขณะผมกำลังขับรถกลับบ้านผ่านแถวสุสานรถไฟบางซื่อผมสังเกตบนฟ้าเห็นเมฆฝนแพใหญ่คล้ายคลื่นยักษ์ลอยอยู่บนฟ้า มันเป็นช่วงเวลาที่ดวงอาทิตย์ใกล้จะลับขอบฟ้า เมฆตอนนั้นยังเป็นสีเทาอุ่นธรรมดา แต่จากประสบการณ์ทำให้ผมคาดหวังว่าเมื่อดวงอาทิตย์ลับฟ้าไปแล้วน่าจะมีอะไรให้ผมได้ตื่นเต้นบ้าง ไวเท่าความคิดผมรีบหาที่จอดรถแล้วคว้ากล้องพร้อมขาตั้งเดินหามุมอย่างรีบเร่ง เพราะรู้ดีว่ามีเวลาไม่มากตาก็คอยสังเกตฟ้าอยู่ตลอด เมื่อได้มุมเหมาะก็จัดแจงเซทกล้องเตรียมพร้อม ที่เหลือก็แค่รอลุ้น และก็จริงอย่างที่คาดเพียงไม่กี่นาทีหลังดวงอาทิตย์ลับฟ้าเมฆค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีเหลืองทองเข้มขึ้นเรื่อยๆ ท้องฟ้ากลายเป็นสีน้ำเงินเข้มตัดกับเมฆ ผมเริ่มเก็บภาพไปและเฝ้าดูสีสันที่สวยงามอย่างชื่นชม ทุกอย่างเกิดขึ้นรวดเร็วและเพียงครู่เดียวแสงก็หมดไปจากฟ้าเหลือเพียงเมฆทึบบนฟ้าสีน้ำเงินที่ค่อยๆ มืดลง








              หน้าฝนท้องฟ้าจะมีเมฆมากจนบางครั้งทำให้เราไม่มีโอกาสได้เห็นดวงอาทิตย์ช่วงก่อนจะลับฟ้า แต่ถ้าวันไหนเมฆเปิดให้แสงส่องลอดมาได้เมฆที่รกอยู่เต็มฟ้าก็จะเปลี่ยนเป็นสีทองที่สวยงาม ส่วนหน้าหนาวท้องฟ้าส่วนใหญ่จะเคลียร์โอกาสได้เห็นแสงสุดท้ายมีมาก อาจไม่มีเมฆสีทองแต่เราจะได้เห็นบรรยากาศของฟ้าสีม่วงแดงไล่โทนจากขอบฟ้าขึ้นมา โดยส่วนใหญ่แสงจะปรากฏแถวบริเวณที่ดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้าไป แต่ก็มีบางครั้งที่แสงส่องทะลุไปโผล่อีกฟากฟ้าฝั่งตรงข้ามทางทิศตะวันออกแทน เพราะฉะนั้นระหว่างที่รออย่าเอาแต่จ้องแค่เพียงตำแหน่งเดียว คอยมองที่ทิศตรงข้ามด้วยจะได้ไม่พลาดชอตเด็ด
          







                การจะถ่ายภาพช่วงแสงสุดท้ายให้ได้ภาพดีคุณควรมีขาตั้งกล้อง สภาพแสงหลังอาทิตย์ตกทำให้คุณต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำ และหากคุณจัดองค์ประกอบให้ภาพมีจุดเด่นอื่นรวมอยู่ด้วยการคุมระยะชัดก็เป็นเรื่องจำเป็น ขนาดรูรับแสงที่ใช้ต้องมั่นใจว่าจะให้ระยะชัดครอบคลุมตั้งแต่ซับเจคไปจนถึงเมฆบนฟ้า ยิ่งต้องคุมระยะชัดในภาพมากเท่าไหร่ก็ยิ่งทำให้ต้องใช้ความเร็วชัตเตอร์ต่ำมากยิ่งขึ้น ขาตั้งกล้องจึงเป็นทางเลือกเดียวที่จะทำให้คุณสามารถควบคุมทุกอย่างในภาพให้เป็นไปอย่างที่ต้องการได้ การที่ไม่ต้องถือกล้องด้วยมือเป็นเวลานานยังช่วยให้คุณละเอียดรอบคอบกับภาพได้มากยิ่งขึ้น ตรวจดูให้แน่ใจว่าไม่มีสิ่งแปลกปลอมเล็ดรอดเข้ามาตามขอบภาพ เส้นขอบฟ้าไม่เอียง พยายามมองหาจุดเด่นเพื่อใช้ประกอบในภาพ ตึกรามบ้านช่องรวมไปถึงข้าวของเครืองใช้ต่างๆ ที่อยู่ในบริเวณนั้นดูว่าพอจะมีสิ่งไหนจะนำมาใช้ในภาพได้ ท้องฟ้าสวยๆ มักเป็นแบคกราวด์ที่ดีให้กับซับเจคที่น่าสนใจ แต่ถ้าหากตรงนั้นไม่มีอะไรที่พอจะใช้เป็นส่วนประกอบในภาพได้เลย การบันทึกแต่ภาพท้องฟ้าเก็บไว้เป็นสต๊อคก็ไม่ใช่เรื่องเสียหาย เผื่อนำไปซ้อนเป็นแบคกราวด์ให้กับภาพซิลลูเอทที่มีอยู่หรือจะไปหาถ่ายเสริมเพื่อมารีทัชรวมเข้าไปก็ยังได้







                การวัดแสงสำหรับถ่ายภาพท้องฟ้าช่วงแสงสุดท้ายไม่ใช่เรื่องยาก ถ้าหากซับเจคไม่ได้ใหญ่โตจนกินพื้นที่ส่วนใหญ่ในภาพก็สามารถใช้ระบบวัดแสงแบบเฉลี่ยวัดแบบปกติไปที่ท้องฟ้าได้เลย ภาพที่ได้จะมีท้องฟ้าสีเข้มส่วนซับเจคจะเป็นเงาดำ หากต้องการให้ซับเจคมีรายละเอียดให้ลองเปิดใช้โหมดช่วยขยายช่วงการรับแสงซึ่งกล้อง DSLR รุ่นใหม่มีแทบทุก หรืออาจใช้แฟลชช่วยในการเปิดเงาสำหรับซับเจคที่อยู่ไม่ไกลจากกล้องมาก ถ้าต้องการภาพที่คมกริบแนะนำให้ใช้สายลั่นชัตเตอร์และล็อคกระจกสะท้อนภาพด้วยทุกครั้ง ไม่มีความจำเป็นต้องใช้ความไวแสงสูงเพราะมันจะทำให้ภาพแย่ลง ที่สำคัญอย่าลืมถ่ายด้วย RAW ไฟล์ เพราะคุณอาจต้องการปรับแต่งเพื่อให้ภาพสมบูรณ์แบบที่สุดก่อนนำไปใช้งาน






                หากคุณตั้งใจจะถ่ายภาพสถานที่โดยมีแสงสีของท้องฟ้าช่วงโพล้เพล้เป็นฉากหลัง กำหนดการณ์ถือเป็นเรื่องสำคัญ คุณจำเป็นต้องรู้ให้ได้ว่าในวันที่ต้องการถ่ายนั้นพระอาทิตย์จะขึ้นหรือตกตอนไหนตำแหน่งไหน อุปกรณ์ที่ผมใช้เป็นประจำก็คือแผนที่ดูดาวของท้องฟ้าจำลอง เป็นอุปกรณ์ราคาถูกที่ใช้งานได้อย่างยอดเยี่ยม ถ้าจำไม่ผิดผมซื้อมาเมือหลายปีก่อนในราคาแผ่นละ 50 บาท ซึ่งนอกจากมันจะใช้ดูตำแหน่งของดวงดาวในแต่ละวันแล้วมันยังใช้ดูช่วงเวลาพระอาทิตย์ขึ้นและตกได้ด้วย มีขายอยู่ที่ท้องฟ้าจำลอง ศึกษาภัณฑ์และตามร้านเครื่องเขียนใหญ่ๆ แต่ถ้าไม่สะดวกซื้อก็ให้ลองเข้าไปที่เว็บไซต์นี้ดู http://www.sunrisesunset.com/ ที่เว็บนี้คุณจะสามารถตรวจสอบเวลาขึ้นลงของดวงอาทิตย์ได้อย่างละเอียด เพียงแต่เลือกชื่อเมืองและกำหนดหัวข้อที่ต้องการระบบก็จะแสดงตารางขึ้นลงของดวงอาทิตย์ในแต่ละวันขึ้นมาให้ดู พร้อมทั้งช่วงเวลาของแสงทไวไลท์ทั้งก่อนและหลังดวงอาทิตย์ขึ้นและตกด้วย แถมด้วยเวลาขึ้นลงของดวงจันทร์อีกต่างหาก หรือถ้าอยากได้เป็นตัวโปรแกรมมาเก็บไว้ในโน๊ตบุ๊คเพื่อตรวจสอบในช่วงที่เดินทางก็มีให้ดาวน์โหลด ตัวโปรแกรมจะบอกละเอียดมากนอกจากช่วงเวลาขึ้นลงของดวงอาทิตย์แล้วยังบอกด้วยว่าในวันนั้นดวงอาทิตย์จะโผล่พ้นขอบฟ้าและเริ่มฉายแสงเป็นเวลากี่ชั่วโมง ช่วงแสงทไวไลท์กี่นาที ดวงอาทิตย์ขึ้นตรงหัวตอนกี่โมงกี่นาที เป็นโปรแกรมขนาดเล็กไม่กินพื้นที่ดาวน์โหลดได้ฟรีสมควรที่ช่างภาพจะมีติดโน๊ตบุ๊คเอาไว้ เพราะใช้ประโยชน์ได้มากจริงๆ



ขอขอบคุณ  http://www.zmos.net/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น