วันอาทิตย์ที่ 11 มีนาคม พ.ศ. 2555

HDR TECHNIC








               บ่อยครั้งที่เรามองเห็นภาพสวย จนอดไม่ได้ที่จะต้องยกกล้องขึ้นถ่ายภาพเก็บไว้ แต่เมื่อเห็นภาพที่ปรากฏบนจอ LCD หลังกล้อง มันช่างต่างไปจากที่เราเห็นด้วยตาเปล่ามากมาย ที่เป็นเช่นนั้นก็เพราะสายตาคนเรามีคุณสมบัติพิเศษที่สามารถปรับให้มองเห็นในสภาพแสงที่แตกต่างหลากหลายได้ ในขณะที่เซนเซอร์รับภาพของกล้องไม่สามารถทำได้ โดยเฉพาะในสภาพแสงที่มีค่าความต่างสูงมาก ๆ เช่นการถ่ายภาพในช่วงอาทิตย์ขึ้นหรือตกที่ความสว่างของท้องฟ้าจะต่างจากบริเวณอื่นมาก เมื่อมองด้วยตาเปล่าเราจะเห็นทั้งความงามของท้องฟ้าและรายละเอียดในส่วนอื่นได้อย่างครบถ้วน แต่เมื่อบันทึกมาเป็นภาพเราอาจได้สีสันท้องฟ้าที่สวยงามแต่องค์ประกอบอื่นเช่นทิวเขา ต้นไม้ อาคาร บ้านเรือน หรืออะไรก็แล้วแต่ที่เราพยายามนำเข้ามาเป็นส่วนประกอบในภาพจะมืดดำ นั่นเป็นเพราะความสว่างที่ท้องฟ้ามีมากในขณะที่บริเวณอื่นในภาพสว่างน้อยกว่า
                    





                 การมองเห็นของนัยน์ตาเรามีช่วงการรับแสงกว้างมากหากเปรียบเทียบด้วยค่า F-stop ก็อยู่ในช่วงที่เกินกว่า 10 stop ขึ้นไป ส่วนเซนเซอร์รับภาพของกล้องมีช่วงการรับแสงที่สามารถเก็บรายละเอียดได้ตั้งแต่สว่างสุดไปถึงมืดสุดภายในภาพเดียวกัน โดยประมาณจะอยู่ในช่วงไม่เกิน 6-9 stop เท่านั้น จึงไม่แปลกที่ในหลาย ๆ สถานการณ์เราไม่สามารถบันทึกภาพให้สวยได้อย่างที่ตาเห็น นัยน์ตาเราสามารถมองเห็นใบหน้าของคนที่มีฉากหลังเป็นดวงอาทิตย์กับท้องฟ้าสีเหลืองส้ม มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ภายในห้องพร้อมกับวิวสวยที่อยู่ด้านนอก แต่เมื่อต้องการบันทึกให้เป็นภาพถ่ายด้วยกล้องดิจิตอลเราจำเป็นต้องเลือกว่าอยากได้ภาพที่มองเห็นใบหน้าคนโดยมีฉากหลังเป็นท้องฟ้าที่สว่างจ้าขาวโพลน หรืออยากได้ภาพดวงอาทิตย์กับท้องฟ้าโดยมีภาพเงาดำของคนอยู่เบื้องหน้า ต้องเลือกว่าอยากเก็บภาพบรรยากาศภายในห้องกับแสงจ้าจากนอกหน้าต่างหรืออยากได้ภาพวิวสวยด้านนอกกับกรอบดำมืดของหน้าต่างภายในห้อง นั่นเป็นเพราะกล้องไม่สามารถเก็บบันทึกรายละเอียดของสิ่งต่าง ๆ ได้หมดในสภาพแสงที่มีความต่างสูงมาก


              



                  ในสถานการณ์แบบนี้ถ้าหากภาพที่เราต้องการถ่ายเป็นภาพแลนด์สเคปที่แบ่งกันอย่างชัดเจนระหว่างท้องฟ้าด้านบนที่สว่างมาก กับโฟร์กราวน์ที่อยู่ส่วนล่างของภาพซึ่งสว่างน้อยกว่า กรณีนี้เราสามารถแก้ปัญหาในขณะถ่ายได้ด้วยการใช้ฟิลเตอร์ลดแสงแบบครึ่งซีก Graduate ND เพื่อช่วยลดความสว่างของท้องฟ้าด้านบนให้ใกล้เคียงกับฉากหน้า ก็จะสามารถเก็บรายละเอียดของภาพทั้งหมดได้ แต่ถ้าในภาพที่ต้องการถ่ายไม่ได้แบ่งส่วนมืดและสว่างแบบบนล่างชัดเจน เช่นเป็นภาพที่มีตึกสูงยื่นไปบนท้องฟ้า มีหน้าผาหินอยู่ด้านข้างของภาพ หรือต้นไม้ใหญ่แผ่กิ่งก้านท่ามกลางท้องฟ้าที่สว่างจ้า กรณีเหล่านี้ฟิลเตอร์ลดแสงแบบครึ่งซีกคงไม่เหมาะเท่าไหร่เพราะซับเจคบางส่วนจะถูกบดบังแสงไปด้วยและจะยิ่งมืดไปใหญ่ เราคงจำเป็นต้องเลือกว่าจะเก็บรายละเอียดส่วนไหนของภาพเอาไว้ แล้วยอมปล่อยให้เสียรายละเอียดบางส่วนไป แต่ถ้าหากว่าต้องการจะเก็บรายละเอียดของภาพทั้งส่วนมืดและส่วนสว่างให้ได้หมดจริง ๆ ก็คงต้องใช้เทคนิคพิเศษในการถ่ายร่วมกับเทคนิคในการปรับแต่งภาพเข้ามาช่วย เทคนิคที่ว่านี้คือเทคนิค การทำภาพแบบ HDR หรือ High Dynamic Range Photo

                  



                

                    คำว่า Dynamic range ในแง่ของการถ่ายภาพ หมายถึงช่วงการรับแสงในแต่ละภาพตั้งแต่สว่างน้อยสุดไปจนถึงสว่างมากสุดที่กล้องจะสามารถให้รายละเอียดได้ ซึ่งช่วงการรับแสงที่ว่านี้จะมีมากหรือน้อยขึ้นอยู่กับความสามารถของตัวเซนเซอร์และระบบประมวลผลในกล้องเป็นหลัก คำว่ารายละเอียดในภาพหมายถึงส่วนที่สามารถบันทึกลวดลายพื้นผิวได้ เช่นผนังสีขาวที่มองเห็นลวดลายของเนื้อไม้หรือความหยาบของผิวปูน ถ้าหากบันทึกเป็นภาพแล้วสีขาวกลายเป็นปื้นนั่นแสดงว่ากล้องไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ หรือถ้าหากถ่ายภาพคนแล้วบริเวณผมเห็นเป็นปื้นดำไม่เห็นเป็นเส้นนั่นก็แสดงว่าไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้ ความแตกต่างของค่าแสงในภาพเราเรียกว่าค่าความเปรียบต่างของแสงหรือคอนทราสต์แสง ซึ่งในการถ่ายภาพแต่ละครั้งค่าความเปรียบต่างของแสงจะแตกต่างกันไปตามสถานการณ์ เช่นในวันที่แดดจัดบริเวณที่ถูกแสงแดดโดยตรงกับบริเวณที่อยู่ในร่มเงาจะมีค่าแสงที่ต่างกันมาก แต่ในวันที่ท้องฟ้ามีเมฆมากแดดจะไม่แรง ความเข้มของแสงจะลดลงเพราะถูกกรองด้วยเมฆแสงจะกระจายทั่ว ความเปรียบต่างของบริเวณที่ถูกแสงกับบริเวณที่อยู่ในร่มเงาก็จะลดลงด้วย

                 




                เพื่อให้เข้าใจได้ง่ายลองดูจากภาพตัวอย่างเปรียบเทียบระหว่างสภาพแสงจัดกับแสงนุ่ม สองภาพแรกเป็นการนำตุ๊กตาไปวางไว้ใกล้กับหน้าต่างเพื่อให้แดดส่องถึง จะเห็นได้ชัดเจนเลยว่าในสภาพแสงจัดแบบนี้ บริเวณที่ถูกแสงโดยตรงกับบริเวณที่ไม่ถูกแสงจะมีความต่างของแสงสูงจนกล้องไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้พร้อมกันภายในภาพเดียว ลองดูภาพแรกนะครับสังเกตบริเวณด้านขวาของใบหน้าตุ๊กตาที่ไม่ถูกแสงโดยตรง เราจะเห็นรายละเอียดได้ครบถ้วน แต่บริเวณซีกซ้ายตั้งแต่ต้นแขนลงมาจนถึงขาที่ถูกแสงโดยตรง จะสว่างจ้าจนกล้องไม่สามารถเก็บรายละเอียดได้เลย แต่พอเปลี่ยนค่าการบันทึกแสงเพื่อให้บริเวณซีกซ้ายของตุ๊กตาไม่โอเวอร์สามารถเก็บรายละเอียดได้ ผลที่ได้ก็จะเป็นอย่างภาพตัวอย่างที่สองซึ่งถ่ายจากตำแหน่งเดียวกันไม่ได้ขยับตัวกล้องและตุ๊กตา เพียงแต่เปลี่ยนความเร็วชัตเตอร์ให้เพิ่มขึ้นเพื่อให้ส่วนที่โอเวอร์ได้รับแสงพอดี คราวนี้ได้รายละเอียดตรงส่วนสว่างมาครบ แต่กลับกลายเป็นว่าบริเวณด้านขวาที่ได้รับแสงน้อยกว่าจมหายไปกับความมืดไม่มีรายละเอียดให้เห็น นี่เป็นภาพตัวอย่างในสถานการณ์ที่มีค่าความต่างของแสงสูงเกินกว่าช่วงการรับแสงหรือ Dynamic range ของกล้อง บริเวณที่สว่างมากหรือมืดมากจนไม่เห็นรายละเอียด เป็นเพราะเกินช่วงการรับแสงที่เซนเซอร์จะให้รายละเอียดได้ คราวนี้ลองมาดูภาพตัวอย่างที่สาม ซึ่งจำลองสภาพแสงที่ต่างกันกับสองภาพแรก คราวนี้ย้ายตัวตุ๊กตาเข้าในร่มไม่ให้ถูกแสงแดดโดยตรงเพื่อหลีกเลี่ยงแสงจัด จะเห็นว่าทั่วทั้งภาพตอนนี้ได้รับแสงสว่างใกล้เคียงกัน ทำให้ช่วงความต่างของแสงในภาพมีไม่มากกล้องจึงสามารถเก็บรายละเอียดได้ครบทั่วทั้งบริเวณของภาพ

 


ขอขอบคุณ  http://www.zmos.net/

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น